บทความจากนิตยสาร add Free Magazine
ภาพโฆษณา - คู่มวย สมัยสวนกุหลาบ ร.6 |
ป้องกันและตอบโต้
(ด้วยเคล็ดวิชา มวยไชยา)
โดย... แหลมทอง ศิษย์ครูทอง
นักมวยคาดเชือกเมื่อจะ
ตีมวย กัน (สมัยก่อนยุคเลิกคาดเชือกนั้นใช้คำว่า ตีมวย หรือ ปล้ำมวย ครับ
ไม่ได้ใช้คำว่า ชกมวย อย่างปัจจุบันนี้)
นักมวยที่สมัครใจเข้าตีมวยก็จะมายืนรวมๆ กันต่อหน้านายสนามผู้จัด แต่ละคนก็จะเลือกคู่ชกขอตนโดยกะดูด้วยสายตาว่าตนจะชกกับนักมวยคนไหน ก็จับคู่กันไว้ โดยมากก็จะเลือกเอาที่รูปร่างพอฟัดพอเหวี่ยงกันได้ ก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ (คำว่าพอฟัดพอเหวี่ยงที่ใช้กันติดปากก็มาจากภาษามวยนี่แหละครับ เพราะนักมวยยุคกระโน้นตีมวยปล้ำมวยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจริงๆ
ไม่ใช่แค่ปล้ำตีเข่าอย่างทุกวันนี้)
หากว่ารูปร่างผิดกันมากนัก ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจจะขอจับเนื้อจับตัวคู่ชกเพื่อดูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก่อนตัดสินใจได้
บางครั้งแค่ได้ยินชื่อเสียงกันก็พอแล้วครับ ประเภทสิงห์เหนือเจอเสือใต้ เก่งต่อเก่งก็อยากลองปะหมัดกันดูสักครั้ง ชาวบ้านก็อยากเห็นนักมวยคู่นี้ตีกันสักอันสองอันพอเป็นที่สำราญใจ
(อัน ที่ว่านี้คือเครื่องบอกเวลา ไว้คราวหน้าจะเล่าให้ฟังครับ)
นักมวยยุคก่อนเลิกคาดเชือกนี่ เรื่องน้ำหนัก อายุคน อายุมวย
เขาไม่เกี่ยงกันครับ หากสมัครใจชกก็ขึ้นเวทีกันเลย จะสงสารก็แต่นักมวยสมัยนี้แหละครับ กว่าจะได้ขึ้นชกต้องรีดตัวแล้วรีดตัวอีก อดข้าว อดน้ำก็แล้ว ทั้งวิ่ง, อบ, กระโดดเชือก เสียเหงื่อกันจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรงขาสั้นขาพับ กว่าจะได้น้ำหนักอย่างที่ต้องการ หากชั่งไม่ผ่านเดี๋ยวจะพาลไม่ได้ชก ลูก, เมีย, แม่ก็อด จะเดือดร้อนไปตามๆ กัน น่าเห็นใจครับ... ลองมองกลับไปถึงยุคโบราณ ไม่มีเครื่องชั่งน้ำหนักก็เปรียบมวยกันแบบง่ายๆ
อย่างนี้แหละครับ.
สนามมวยโรงเรียนสวนกุหลาบ |